ปัจจุบันเทรนด์การรักสุขภาพกำลังมาแรงในยุคสมัยนี้ การใส่ใจสุขภาพเข้ามามีบทบาทในทุกๆเรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งการเลือกวัสดุเฟอร์นิเจอร์ในพื้นที่พักอาศัย หรือสถานที่ต่างๆ โดยจะเน้นในเรื่องของความปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
แผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลางหรือ ไม้ MDF (เอ็มดีเอฟ) จากอะโกรไฟเบอร์ ผลิตโดยการนำเส้นใยของไม้ยูคาลิปตัสอัดกาวด้วยความร้อนซึ่งเป็นกรรมวิธีแบบแห้ง เพื่อเพิ่มแรงยึดเหนี่ยวและความแข็งแรงให้กับแผ่นไม้ โดยใช้ไม้จากป่าปลูกทั้งหมดเพื่อเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน FSC (Forest Stewardship Council) แผ่นบอร์ดที่ได้จะมีผิวหน้าเรียบมันทั้ง 2 ด้าน มีความหนาแน่นที่ 600-800 kg/m3 มีความหนาต่างกัน ให้เลือกใช้งานตั้งแต่ 2.3 – 25 mm.
แผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลางหรือ ไม้เอ็มดีเอฟ (MDF – Medium Density Fiberboard) ที่ใช้กันทั่วไปนั้นมีหลายเกรดด้วยกันคือ Super E0, E0, E1 และ E2 ซึ่งเป็นการจัดเรียงลำดับกลุ่มตามระดับสารฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde) ที่วัดได้ในวัสดุนั้นๆ โดยคลาสซูเปอร์อีซีโร่ (Class Super E0) เป็นคลาสที่บ่งบอกว่าแทบไม่พบสารปนเปื้อนฟอร์มัลดีไฮด์ในตัววัสดุคือมีลักษณะเทียบเท่าไม้จริงในธรรมชาติ ส่วนคลาสอื่นๆ จะมีสัดส่วนของสารฟอร์มัลดีไฮด์มากขึ้นตามลำดับ อ้างอิงจาก European formaldehyde emission standards ของทางยุโรป
มาตรฐานการวัดค่าฟอร์มัลดีไฮด์ ที่ใช้กันทั่วไป สำหรับ MDF จะยึดมาตรฐานเดียวกับทางยุโรป คือใช้ค่า Emission เช่น Super E0, E0, E1, E2
E2 คือคลาสที่นิยมใช้สำหรับงานไม้และเฟอร์นิเจอร์ทั่วไปในเมืองไทย โดยใช้การระบายถ่ายเทอากาศเพื่อให้สารฟอมัลดีไฮด์ลดลง ก่อนที่จะเข้าใช้งานในบริเวณดังกล่าว หรือสามารถลดการปล่อยสารได้ด้วยการ ใช้แผ่นเมลามีนปิดผิวไม้ หรือทำสีเคลือบผิว เป็นต้น
E1 คือคลาสที่มีสารฟอร์มัลดีไฮด์เจือปนไม่เกิน 0.1 ppm ซึ่งเหมาะสำหรับทุกคนที่ห่วงใยในสุขภาพเป็นพิเศษ นิยมใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ในโรงพยาบาล บ้านพักคนชรา ของเล่นเด็ก และเหมาะในการใช้ตกแต่งภายในบ้านพักอาศัย และอาคารทั่วไป
E0 มีคุณสมบัติที่ดีกว่าคลาส E1 โดยไม้ที่จะผ่านมาตรฐาน E0 คือมีสารฟอร์มัลดีไฮด์ปนเปื้อนไม่เกิน 0.07 ppm
Super E0 เป็นไม้ที่พัฒนาจากไม้ E0 ขึ้นอีกระดับหนึ่งเป็นไม้ที่มีระดับฟอมัลดีไฮด์ต่ำมากจนเทียบเท่าไม้ธรรมชาติ แต่ราคาของสินค้าก็สูงตามคุณภาพด้วย
การออกแบบผังอาคารที่ดีควรจัดให้มีการถ่ายเทอากาศที่เหมาะสมแต่ในบางฟังก์ชันที่เป็นพื้นที่ปิด ไม่สามารถออกแบบให้มีช่องเปิดได้ การเลือกใช้ไม้ MDF เพื่อการตกแต่งภายในจึงควรเลือก ไม้ MDF คลาส E1 เนื่องจากหากต้องใช้กับงานโครงการก็จะช่วยลดต้นทุนได้มากเพราะมีราคาที่คุ้มค่ากว่าไม้ MDF คลาส Super E0 และ E0
นอกจากนี้ไม้ MDF คลาส E1 มีอัตราการระเหยของสารฟอร์มัลดีไฮด์ค่อนข้างต่ำและไม่เป็นอันตรายกับผู้ใช้งาน แต่หากจำเป็นต้องใช้ไม้ MDF คลาส E2 ก็ให้ใช้วัสดุอื่น เช่น ทำสีเคลือบผิว ปิดผิวไม้ด้วยแผ่นไฮเพรสเชอร์ลามิเนตหรือแผ่นเมลามีน ซึ่งทาง อะโกรไฟเบอร์ มีไม้ MDF ทุกคลาสให้เลือกใช้ รวมไปถึงสามารถเลือกสั่งแบบเคลือบเมลามีนสำเร็จจากโรงงานได้เลย
จากผลการวิจัยพบว่าอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อผู้ใช้งานนั้นมักจะมีมูลค่าสูงกว่าอาคารทั่วไป เนื่องจากในปัจจุบันค่านิยมเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและเทรนด์เรื่องสุขภาพกำลังเป็นกระแสหลักของสังคม
บริษัทอะโกรไฟเบอร์ ได้รับรอง ISO 9001:2015 ที่สำคัญทางแบรนด์ใช้ไม้จากป่าปลูกเพื่อเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน FSC -Forest Stewardship Council [ We are FSCTM – Certified (FSCTM C153876) ] ได้รับ Certificated CARB P2 / EPA TSCA TITIE VI มาตรฐานส่งออก และใช้สำหรับงานโครงการที่ต้องการเพิ่มคะแนน LEED ให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสให้งานโครงการนั้นผ่านมาตรฐานอาคารเขียว หรือใช้ในกรณีที่ต้องการเพิ่มมูลค่าหรือสร้างจุดขายให้กับโครงการ